RUSH AI

สวัสดีจ้ะหลาน ป้าเช็งเห็นรูปใบไม้แล้ว เข้าใจเลยว่าทำไมกังวล ใบด่างๆ ซีดๆ แบบนี้ ดูแล้วไม่สบายใจเลยนะ

ป้าดูจากลายบนใบที่เป็นจุดๆ ด่างๆ ซีดๆ แบบนี้ อาการหลักๆ น่าจะมาจาก "ไรแดง" จ้ะ เป็นแมลงตัวเล็กๆ ที่ชอบมาดูดน้ำเลี้ยงใต้ใบ ทำให้ใบเป็นลายแบบนี้ แล้วก็จะค่อยๆ เหลืองซีดลงเรื่อยๆ

ไม่ต้องตกใจนะ ป้ามีวิธีแก้แบบง่ายๆ มาบอก:

1. ล้างตัวไรแดง: อย่างแรกเลย เอาน้ำเปล่านี่แหละ ฉีดพ่นแรงๆ ไปที่ "ใต้ใบ" ให้ทั่วทุกใบเลยนะ เพื่อล้างตัวไรแดงออกไปก่อน ทำสัก 2-3 วันติดกัน

2. ใช้สูตรสมุนไพรไล่แมลง: ถ้าล้างแล้วยังไม่หาย ให้ลองใช้สูตรนี้

   • น้ำหมักยาฉุน: เอายาเส้น (ยาฉุน) สัก 1 กำมือ แช่น้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วกรองเอาแต่น้ำ
   • ผสมน้ำยาล้างจาน: หยดน้ำยาล้างจานลงไป 2-3 หยดในน้ำหมักยาฉุน (เพื่อเป็นสารจับใบ)
   • ฉีดพ่น: เอาไปฉีดพ่นให้ทั่วทั้งต้น โดยเน้นที่ใต้ใบให้ชุ่มๆ เลยนะ ควรฉีดช่วงเย็นๆ ที่แดดอ่อนแล้ว ทำซ้ำทุก 3-5 วันจนกว่าจะดีขึ้น

3. บำรุงให้ใบกลับมาเขียว: หลังจากจัดการไรแดงแล้ว ต้นไม้จะยังอ่อนแออยู่ เราต้องบำรุงเขาหน่อย

   • ให้ ปุ๋ยหมัก หรือ น้ำหมักชีวภาพ (ปุ๋ยน้ำหมักปลา หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงก็ได้) รดที่โคนต้น เพื่อช่วยเร่งให้เขาแตกใบใหม่ที่สวยงามและแข็งแรงขึ้น
   • อาจจะขาดธาตุอาหารรองด้วย ลองหาปุ๋ยที่มีส่วนผสมของ แมกนีเซียม สังกะสี มาฉีดพ่นทางใบเบาๆ ก็จะช่วยให้ใบเขียวไวขึ้น

ลองทำตามนี้ดูนะ ไม่นานต้นไม้ของหลานก็จะกลับมาใบสวยแข็งแรงเหมือนเดิมจ้ะ! มีอะไรถามป้าได้อีกนะ

สวัสดีจ้ะ

แหม... สวยจริงๆ ด้วยนะ! ต้นนี้น่าจะเป็น "แก้วแคระมหามงคล" หรือไม้ในกลุ่มเดียวกัน ดูจากทรงพุ่มที่แน่น ใบเล็กๆ สีเขียวเข้มเป็นมันวาว และรากที่โชว์ขึ้นมาสวยงามขนาดนี้ แสดงว่าเจ้าของใส่ใจดูแลดีมากๆ เลยจ้ะ ป้าเห็นแล้วชื่นใจจริงๆ

เพื่อให้เขาคงความสวยงามแข็งแรงแบบนี้ไปนานๆ ป้ามีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากนะ:

1. แสงแดด: เขาชอบแดดรำไรนะจ๊ะ วางในที่ที่ได้รับแสงแดดช่วงเช้าซักครึ่งวันกำลังดี ถ้าแดดจัดเกินไปทั้งวันใบอาจจะเหลืองหรือไหม้ได้
2. การรดน้ำ: สำคัญมากเลย! รดน้ำเมื่อหน้าดินเริ่มแห้ง อย่าปล่อยให้ดินแห้งสนิท แต่ก็อย่ารดจนแฉะขัง เพราะรากจะเน่าได้ง่าย ลองใช้นิ้วจิ้มดูดินก่อนรดก็ได้จ้ะ
3. การบำรุง: เพื่อให้ใบเขียวสวยอยู่เสมอ ให้ปุ๋ยหมักหรือน้ำหมักชีวภาพจางๆ เดือนละครั้งก็พอแล้วจ้ะ จะช่วยบำรุงทั้งดินและรากให้แข็งแรง
4. ตัดแต่ง: หมั่นใช้กรรไกรคมๆ ตัดแต่งกิ่งเล็กๆ ที่ยื่นยาวเกะกะออกไป จะช่วยรักษาทรงพุ่มให้แน่นกลมสวยแบบนี้อยู่ตลอด

ดูแลเก่งขนาดนี้แล้ว ทำต่อไปนะจ๊ะ รับรองว่าสวยงามเป็นศรีแก่บ้านไปอีกนานเลย มีอะไรให้ป้าช่วยอีกก็บอกได้เสมอจ้ะ

โอ้โห... บ้านใหม่สวยน่าอยู่จังเลยลูกเอ๊ย! เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ อยู่ท่ามกลางสวนแบบนี้ อากาศดีอย่าบอกใครเชียว

พอป้าเห็นพื้นรอบๆ บ้านแล้วก็อดแนะนำไม่ได้เลย พื้นหินกรวดแบบนี้สวยดี ดูแลง่าย แต่ข้อเสียคือมันอมความร้อนตอนกลางวัน แล้วก็ไม่ค่อยมีสารอาหารให้พืชเท่าไหร่

ป้าขอแนะนำแบบนี้ละกันนะ จะได้มีสวนสวยๆ คู่กับบ้านงามๆ:

1. ทำแปลงปลูกผักหรือไม้ดอกข้างบ้าน: ลองกันพื้นที่สักมุมหนึ่ง เอาหินกรวดออก แล้วหาหน้าดินดีๆ มาลงผสมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกที่เราทำเอง แค่นี้ก็ปลูกพืชผักสวนครัวอย่างพริก กะเพรา โหระพา หรือไม้ดอกหอมๆ อย่างมะลิได้สบายเลย
2. ใช้กระถางหรือกระบะปลูก: ถ้าไม่อยากรื้อพื้นเยอะ หากระถางใหญ่ๆ หรือทำกระบะไม้สวยๆ มาตั้งรอบๆ บ้านก็เป็นความคิดที่ดีนะลูก เราควบคุมดินและปุ๋ยได้ง่าย ปลูกได้ทั้งผักสวนครัว ไม้ดอก หรือแม้แต่ไม้ผลต้นเล็กๆ
3. ปลูกไม้ทนแล้ง: หาไม้พุ่มหรือไม้ประดับที่ทนความร้อนทนแล้งได้ดีมาลงแซมๆ ตามจุดต่างๆ จะช่วยลดความร้อนสะท้อนจากหินกรวดได้ แถมยังทำให้บ้านดูร่มรื่นขึ้นด้วย

บ้านสวยแล้ว สวนรอบๆ ก็ต้องสวยตามไปด้วยนะลูก มีอะไรสงสัยเรื่องดินเรื่องปุ๋ยหมักก็ถามป้าได้เสมอ ขอให้อยู่บ้านใหม่อย่างมีความสุขนะ

โอ้โห พ่อหนุ่ม! สวยจริงๆ จ้ะ การทำซุ้มเป็นอุโมงค์ให้พืชตระกูลแตงแบบนี้ (ดูแล้วน่าจะเป็นบวบหรือฟัก) เป็นความคิดที่ดีมากเลยนะ ทำให้ดูแลจัดการง่าย เก็บผลก็สะดวก แถมยังร่มรื่นน่าเดินอีกด้วย

ป้าขอให้คำแนะนำเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ นะจ๊ะ

1. เรื่องดิน: ป้าแอบเห็นว่าดินค่อนข้างแห้งและแตกนะ พืชตระกูลนี้ช่วงกำลังออกดอกติดผลจะต้องการน้ำสม่ำเสมอ ลองหาฟางข้าว ใบไม้แห้ง หรือหญ้าแห้งมาคลุมหน้าดิน (คลุมโคนต้น) จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินได้ดีมาก ดินจะร่วนซุยขึ้นด้วย

2. เรื่องการบำรุง: ตอนนี้กำลังออกดอกเยอะเลย ถ้าอยากให้ติดผลดกๆ ผลใหญ่ๆ ลองบำรุงด้วยปุ๋ยหมักหรือน้ำหมักชีวภาพ (โดยเฉพาะน้ำหมักผลไม้สุกหรือรกหมู) สัก 7-10 วันต่อครั้ง จะช่วยให้ต้นแข็งแรง ติดผลดีจ้ะ

3. เรื่องโรคและแมลง: ใบที่เห็นเป็นรูๆ หรือมีจุดด่างๆ บ้างเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ คอยสังเกตดู ถ้าเจอพวกแมลงเต่าแตงก็จับออก หรือถ้าเห็นใบไหนเริ่มเป็นราแป้ง (เป็นฝุ่นขาวๆ) ให้รีบเด็ดใบนั่นทิ้งไปเลย ป้องกันไม่ให้ลามไปทั้งสวน

ทำได้ดีขนาดนี้แล้ว ดูแลอีกนิดหน่อย รับรองว่าได้เก็บผลผลิตกินไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆ จ้ะ! ชื่นใจจริงๆ ที่เห็นคนทำการเกษตรได้น่าอยู่แบบนี้

โอ้โห! จริงอย่างที่หนูว่าเลยลูก ที่วัดถ้ำกระบอกเขาเก่งจริงๆ นะ ป้าเห็นแล้วชื่นใจเลย

จากในรูปที่หนูส่งมาให้ ป้าจะวิเคราะห์ให้ฟังเป็นข้อๆ เลยนะว่าทำไมระบบของเขาถึงดี:

1. มีการจดบันทึกชัดเจน: ดูสิลูก เขามีป้ายบอกเลยว่า "ราก30" (น่าจะเป็นชื่อสมุนไพรหรือชื่อแปลง) "ปลูกลงดินวันที่ 25 มิ.ย." การจดบันทึกแบบนี้ดีมากๆ ทำให้เรารู้ว่าต้นไม้อายุเท่าไหร่แล้ว ต้องดูแลยังไง ให้ปุ๋ยตอนไหน จัดการง่ายขึ้นเยอะเลย

2. ต้นพืชสมบูรณ์ดี: ต้นที่เห็นเป็น "หน่อไม้ฝรั่ง" นะลูก เขียวงามเชียว แสดงว่าดินดี การเตรียมดินต้องดีมากแน่ๆ หน่อไม้ฝรั่งชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี และต้องบำรุงอยู่เสมอ

3. การจัดการดินและวัชพืช: ป้าชอบที่เขาไม่ได้ถางหญ้าจนเตียนโล่งไปหมด การปล่อยให้มีเศษหญ้าแห้งๆ คลุมดินไว้บ้าง (เหมือนการทำ Mulching) จะช่วยเก็บความชื้นในดินได้ดีมาก พอหญ้าย่อยสลายก็กลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ไปในตัว ดินก็ไม่แห้งแตกเหมือนตรงทางเดิน

4. เกษตรผสมผสาน: มองไปไกลๆ เห็นมีทั้งกล้วย มีไม้ผลอื่นๆ ด้วย การปลูกพืชหลายๆ อย่างแบบนี้เรียกว่า "เกษตรผสมผสาน" มันช่วยสร้างระบบนิเวศที่ดี พึ่งพากันและกัน ลดความเสี่ยงเรื่องโรคและแมลงได้ด้วย

คำแนะนำจากป้า:

นี่เป็นตัวอย่างชั้นดีเลยนะลูก เราเอาไปปรับใช้ในสวนของเราได้เลยนะ

• เริ่มจดบันทึก: ปลูกอะไร วันไหน ลองทำป้ายง่ายๆ ปักไว้
• คลุมดิน: หาฟางข้าว เศษหญ้าแห้ง หรือใบไม้ มาคลุมโคนต้นไม้ที่เราปลูกไว้ จะช่วยให้ดินชุ่มชื้น ประหยัดน้ำไปได้เยอะเลย
• บำรุงดิน: หัวใจสำคัญคือดิน ถ้าดินดีปลูกอะไรก็งาม ลองทำปุ๋ยหมักใช้เองดูนะลูก

เป็นกำลังใจให้เกษตรกรทุกคนนะลูก มีอะไรสงสัยถามป้าได้อีกนะ

โอ้โห ลูกยอสวยๆ ทั้งนั้นเลยลูกเอ๊ย! เห็นแล้วมือไม้มันสั่นอยากจะหมักซะเดี๋ยวนี้เลย ของดีจากธรรมชาติแบบนี้ ป้าเช็งเห็นดีเห็นงามด้วยจ้ะ

ลูกยอที่แก่จัดจนผิวเริ่มเป็นสีขาวขุ่นๆ ใสๆ แบบในรูปนี่แหละเหมาะกับการหมักที่สุดเลย มา! ป้าจะบอกสูตรเด็ดให้ว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง

วิเคราะห์ลูกยอ: จากภาพ ลูกยอมีทั้งแก่จัด (สีขาวขุ่น) และเริ่มแก่ (สีเขียวอมเหลือง) สามารถนำมาหมักรวมกันได้เลย จะได้คุณประโยชน์ครบถ้วน

ป้าขอแนะนำ 2 สูตรหลักๆ เลือกเอาตามที่อยากใช้เลยนะ:

1. สูตรหมัก "น้ำลูกยอ" ไว้ดื่มบำรุงร่างกาย

สูตรนี้ทำง่ายๆ ได้ของดีไว้กินเองในบ้าน

• เตรียมของ:
  • ลูกยอแก่จัด 3 ส่วน
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน (หรือน้ำผึ้งก็ได้)
  • โหลแก้ว หรือโหลพลาสติกเกรดดี พร้อมฝาปิด
• วิธีทำ:
  1. ล้างลูกยอให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้งสนิท
  2. หั่นลูกยอเป็นชิ้นๆ หรือจะใส่ทั้งลูกก็ได้ถ้าลูกไม่ใหญ่
  3. เอาลูกยอใส่โหล สลับชั้นกับน้ำตาลทรายแดงไปเรื่อยๆ จนหมด
  4. ปิดฝาหลวมๆ แค่พอไม่ให้แมลงเข้า (เพื่อให้แก๊สระบายออกได้)
  5. หมักทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 1-3 เดือน คอยเปิดคนบ้างเป็นครั้งคราว
  6. พอครบกำหนดก็กรองเอาแต่น้ำใสๆ เก็บใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่มได้เลยจ้ะ

2. สูตรหมัก "ฮอร์โมนลูกยอ" บำรุงพืช-ไล่แมลง

สูตรนี้สำหรับชาวสวน ชาวไร่ เอาไว้ใช้กับต้นไม้เรา

• เตรียมของ:
  • ลูกยอแก่ (ทั้งลูก) 3 กิโลกรัม
  • กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
  • น้ำสะอาด 10 ลิตร
  • ถังหมักมีฝาปิด
• วิธีทำ:
  1. ทุบหรือสับลูกยอพอแตก ไม่ต้องละเอียดมาก
  2. ใส่ลูกยอที่ทุบแล้วลงในถัง ตามด้วยกากน้ำตาลและน้ำสะอาด คนให้เข้ากัน
  3. ปิดฝาถัง แต่ไม่ต้องสนิท ตั้งไว้ในที่ร่ม
  4. คนทุกวันในช่วง 7 วันแรก จากนั้นคนสัปดาห์ละครั้ง หมักต่อไปอีก 1-2 เดือน
  5. เมื่อครบกำหนด กลิ่นจะหอมอมเปรี้ยว กรองเอาแต่น้ำไปใช้ได้เลย

วิธีใช้กับพืช: ผสมน้ำหมัก 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร (ประมาณ 1:1000) ใช้ฉีดพ่นทางใบหรือรดลงดิน จะช่วยให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดีนักแล

คำแนะนำจากป้า: ตอนหมักกลิ่นเขาจะแรงหน่อยนะ ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องปกติ ของดีก็แบบนี้แหละ! ลองเอาไปทำดูนะลูก ได้ผลยังไงมาเล่าให้ป้าฟังบ้าง

โอ้โฮ! สวัสดีจ้ะ เห็นผลผลิตจากวัดถ้ำกระบอกแล้วชื่นใจจริงๆ เลยนะ งามๆ ทั้งนั้นเลย ป้าขอวิเคราะห์ให้ฟังนะจ๊ะ

นี่เป็นผลผลิตที่สมบูรณ์มาก แสดงว่าดินดี ดูแลเอาใจใส่ดี ปลูกแบบอินทรีย์แน่ๆ เลย ดูจากในรูปนะ

• บวบเหลี่ยม: ลูกยาวตรง สวยมากเลยจ้ะ เก็บตอนที่ยังอ่อนๆ แบบนี้แหละดีที่สุดเลย เอาไปผัดไข่หรือทำแกงเลียงนี่หวานอร่อยนักแล ถ้าปล่อยให้แก่กว่านี้อีกนิดจะเริ่มมีเสี้ยนแล้ว
• แตงกวา: ลูกอวบอิ่มดีมาก ถ้ากินสดไม่ทัน หรือบางลูกเริ่มจะแก่ไปนิดนึงนะ เอามาทำแตงดองซีอิ๊ว หรือดองสามรสเก็บไว้กินได้นานๆ เลยจ้ะ จะได้ไม่เสียของ เป็นการถนอมอาหารที่ดีเยี่ยมเลย
• ชะอม (ในตะกร้าสีฟ้า): ยอดอ่อนๆ แบบนี้เอาไปทอดกับไข่ทำไข่ชะอม หรือลวกจิ้มน้ำพริกก็อร่อยสุดๆ

คำแนะนำของป้า: ผลผลิตดีขนาดนี้ ถ้าใช้เองในวัดไม่หมด แบ่งปันหรือนำไปขายให้ญาติโยมก็จะได้บุญด้วยนะจ๊ะ การดูแลก็ทำต่อไปเหมือนเดิมเลย หมั่นบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก พืชผักก็จะให้ผลผลิตดีๆ แบบนี้ไปตลอด

เห็นแล้วมีความสุขจริงๆ จ้ะ อนุโมทนาด้วยนะ! มีอะไรให้ป้าช่วยแนะนำอีกก็บอกได้เลยนะจ๊ะ

โอ้โฮ... ใบเป็นแบบนี้เหรอลูก ไม่ต้องกังวลไปนะ ป้าเช็งดูแล้วรู้เลย!

นี่คือ "เพลี้ยแป้ง" จ้ะ ตัวขาวๆ เหมือนแป้งเกาะอยู่ มันจะคอยดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ต้นไม้อ่อนแอ โตช้า แล้วบางทีก็มีมดมาขึ้นตามมาด้วย เพราะมดชอบมากินน้ำหวานที่เพลี้ยมันถ่ายออกมา

มา! มาดูวิธีแก้แบบง่ายๆ สไตล์ป้าเช็งกัน

1. ถ้าเพิ่งเริ่มเป็น (มีไม่กี่ใบ):

• เอาน้ำเปล่านี่แหละ ฉีดพ่นแรงๆ ให้ตัวมันกระเด็นหลุดออกไปเลย
• หรือจะใส่ถุงมือแล้วใช้มือรูดๆ ออกก็ได้ ง่ายดี

2. ถ้าเป็นเยอะหน่อย (จัดการแบบบ้านๆ):

• สูตรน้ำยาล้างจาน: ใช้น้ำยาล้างจาน 1-2 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 ลิตร เขย่าให้เข้ากัน แล้วเอาไปฉีดพ่นให้ทั่วๆ โดยเฉพาะตรงใต้ใบที่มันชอบไปแอบอยู่ ฉีดตอนเย็นๆ ที่แดดร่มแล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวใบจะไหม้
• สูตรน้ำส้มควันไม้ (ถ้ามี): อันนี้ดีเลย ช่วยไล่แมลงได้หลายอย่าง ใช้น้ำส้มควันไม้ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 5-7 วัน

ข้อสำคัญที่ต้องจำ:

• กำจัดมด: ถ้าเห็นมดเดินตามต้น ให้จัดการมดด้วยนะ เพราะมดมันจะคอยคุ้มครองเพลี้ยแป้ง
• บำรุงต้นไม้: ทำให้ต้นไม้แข็งแรงอยู่เสมอ ดินดี น้ำถึง ปุ๋ยพอเหมาะ ต้นไม้ที่แข็งแรงจะทนทานต่อแมลงได้ดีกว่า

ลองเอาวิธีของป้าไปใช้ดูนะลูก ไม่ต้องใช้ยาเคมีแรงๆ ก็จัดการได้ สู้ๆ นะ!

ป้าเช็งสอนหมัก

โอ้โห...สวนของวัดถ้ำกระบอกนี่เอง บรรยากาศดีแถมการจัดการสวนก็ไม่ธรรมดาเลยนะ ป้าเห็นแล้วชื่นใจจริงๆ จ้ะ

ป้าขอวิเคราะห์และให้คำแนะนำสั้นๆ ได้ใจความแบบนี้นะ

สิ่งที่ป้าเห็นแล้วชอบมาก:

1. การปลูกพืชแบบผสมผสาน: ดีมากๆ เลยจ้ะ การปลูกชะอม กล้วย มะละกอ และไม้ผลอื่นๆ แซมกันไปแบบนี้ เป็นระบบเกษตรที่ฉลาด ช่วยเกื้อกูลกัน พืชสูงให้ร่มเงาพืชเตี้ย ช่วยลดปัญหาโรคและแมลงได้ดีกว่าปลูกพืชอย่างเดียว
2. การใช้พลาสติกคลุมดิน: เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น ช่วยคุมวัชพืชได้อยู่หมัด และช่วยรักษาความชื้นในดิน ทำให้ต้นไม้ช่วงแรกตั้งตัวได้เร็ว ไม่ต้องแย่งอาหารกับหญ้า

คำแนะนำเพิ่มเติมจากป้า:

• บำรุงดินคือหัวใจ: ถึงแม้จะคลุมพลาสติก แต่อย่าลืมว่าดินคือชีวิตนะจ๊ะ หาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกที่หมักจนสมบูรณ์ดีแล้ว มาเติมให้ตรงโคนต้นไม้บ้างเป็นครั้งคราว จะช่วยให้ดินร่วนซุยและมีอาหารให้พืชกินได้ยาวๆ
• ดูแลเรื่องการตัดแต่ง: ชะอมเนี่ย ยิ่งเก็บยิ่งแตกยอดนะจ๊ะ พอต้นเริ่มโตให้หมั่นเก็บยอดไปกินไปขาย จะทำให้เขาแตกพุ่มใหม่เยอะขึ้น ไม่สูงโย่งเกินไป
• ระบบน้ำสำรอง: ช่วงนี้ฝนอาจจะดี แต่พอถึงหน้าแล้งต้องวางแผนเรื่องน้ำให้ดี การทำระบบน้ำหยดไว้ใต้พลาสติกคลุมดินจะช่วยประหยัดน้ำและส่งน้ำถึงรากพืชได้ตรงจุดเลย
• ระยะยาวลองคลุมดินด้วยอินทรียวัตถุ: พอต้นไม้โตแข็งแรงดีแล้ว ในระยะยาวลองเปลี่ยนจากการใช้พลาสติก มาเป็นการใช้ฟางข้าว ใบไม้แห้ง หรือเศษหญ้าคลุมดินแทน จะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุ ทำให้ดินดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นการทำเกษตรที่ยั่งยืนจ้ะ

โดยรวมแล้วถือว่าเป็นสวนที่จัดการได้ดีเยี่ยม มีอนาคตสดใสเลยล่ะ ดูแลต่อไปอีกนิดหน่อย รับรองว่าได้ผลผลิตงามๆ ไว้ฉันในวัดและอาจมีเหลือแบ่งปันได้อีกเยอะเลยจ้ะ

โอ้โฮ! ขยันขันแข็งจริงๆ เลยนะลูก เห็นแล้วชื่นใจ! ที่วัดถ้ำกระบอกเขาก็เก่งเรื่องเกษตรอินทรีย์ ทำน้ำหมักใช้เอง เป็นแนวทางที่ดีมากเลยจ้ะ

ดูจากสีสันในขวดแล้ว น่าจะเป็น "น้ำหมักชีวภาพ" หรือ "ปุ๋ยน้ำ" ชั้นดีเลยนะ ไม่ว่าจะหมักจากปลา จากผลไม้ หรือจากเศษพืชผักก็ตาม ป้ามีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากนะ

คำแนะนำจากป้าเช็ง:

1. การนำไปใช้: น้ำหมักพวกนี้เข้มข้นมากนะลูก เวลาจะใช้ต้องผสมน้ำให้เจือจางก่อนเสมอ สูตรง่ายๆ คือ น้ำหมัก 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร (ประมาณ 1 บัวรดน้ำ) เอาไปฉีดพ่นทางใบ หรือรดลงดินบริเวณโคนต้นก็ได้
2. ประโยชน์: ช่วยบำรุงดิน ทำให้ดินร่วนซุย พืชโตไว แข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดีขึ้น เป็นการลดการใช้ปุ๋ยเคมี ประหยัดเงินในกระเป๋าเราด้วย
3. การเก็บรักษา: ถ้าหมักจนเข้าที่แล้ว (ไม่มีฟองแก๊สผุดแล้ว) ควรเก็บไว้ในที่ร่มนะลูก แสงแดดจะทำให้จุลินทรีย์ดีๆ บางตัวตายได้ คุณภาพของน้ำหมักจะลดลง

ทำใช้เองแบบนี้แหละดีที่สุด ปลอดภัยต่อทั้งคนปลูก คนกิน และยังช่วยดูแลดินให้ดีไปนานๆ ด้วย ป้าขอสนับสนุนเลยจ้ะ! มีอะไรสงสัยถามป้าได้อีกนะ

โอ้โห... ใบแหว่งเป็นรูพรุนแบบนี้ ป้าเห็นแล้วเข้าใจเลยจ้ะลูกหลาน!

อาการแบบนี้เกิดจาก แมลงปากกัด แน่นอน ไม่ต้องสืบเลย พวกนี้ชอบมากัดกินใบไม้ โดยเฉพาะใบอ่อนๆ ทำให้ต้นไม้สังเคราะห์แสงได้ไม่ดี โตช้า

ตัวการหลักๆ ก็คือ:

• หนอนผีเสื้อชนิดต่างๆ: ตัวดีเลย ชอบแอบอยู่ใต้ใบไม้ กินเก่งมาก
• ด้วงปีกแข็ง: เช่น ด้วงกุหลาบ มักจะมากินตอนกลางคืน
• ตั๊กแตน: ถ้ามาเป็นฝูงแป๊บเดียวโกร๋นได้เลย

คำแนะนำของป้าเช็ง:

1. สำรวจหาตัวการ: ลองเดินไปพลิกดูใต้ใบไม้ หรือส่องไฟดูตอนกลางคืน จะได้รู้ว่าใครคือคนร้าย ถ้าเจอน้อยๆ ก็จับออกไปเลย
2. ใช้น้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง: ของดีใกล้ตัวเรานี่แหละ ใช้สะเดา (ใบหรือเมล็ด), ข่าแก่, ตะไคร้หอม, พริกสด มาทุบๆ สับๆ แล้วหมักกับกากน้ำตาลซัก 7 วัน พอได้ที่แล้วก็กรองเอาแต่น้ำมาผสมน้ำเปล่า (น้ำหมัก 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร) ฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มตอนเย็นๆ กลิ่นฉุนๆ ขมๆ จะช่วยไล่แมลงไม่ให้มากินได้จ้ะ
3. ใช้ชีวภัณฑ์: ถ้าเจอหนอนเยอะ ลองหาซื้อเชื้อ บีที (Bacillus thuringiensis) มาผสมน้ำฉีดพ่นดูนะ ตัวนี้เป็นจุลินทรีย์ที่ปลอดภัยกับคนและสัตว์เลี้ยง แต่จะจัดการกับพวกหนอนโดยเฉพาะเลย

ค่อยๆ ดูแลกันไปนะจ๊ะ ไม่ต้องรีบใช้ยาเคมีแรงๆ หรอก สู้ๆ นะ! มีอะไรก็มาถามป้าได้อีกจ้ะ

โอ้โห บรรยากาศดีจริงๆ เลยลูกเอ๊ย เห็นน้ำเห็นท่าแบบนี้แล้วใจมันชื้น ป้าเห็นแล้วนึกถึงเรื่องทำมาหากินได้เลยนะเนี่ย

ที่ริมน้ำแบบนี้ถือว่าเป็นทำเลทองของการเกษตรเลยนะ เพราะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่ป้าอยากแนะนำคือ

1. ทำปุ๋ยหมักใบไม้: เห็นต้นไม้เยอะขนาดนี้ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาอย่าทิ้งให้เสียของนะจ๊ะ กวาดมากองรวมกัน หมักทำเป็นปุ๋ยชั้นดี ช่วยปรับปรุงดินให้ร่วนซุย ไม่ต้องไปซื้อปุ๋ยเคมีให้เปลืองเงิน แถมยังไม่ทำลายธรรมชาติด้วย
2. ปลูกพืชริมตลิ่ง: หาพืชที่ชอบน้ำ ชอบความชื้นมาลงไว้ริมตลิ่งเลย อย่างเช่น ตะไคร้, เตยหอม, หรือผักบุ้ง พืชพวกนี้ช่วยยึดหน้าดินไม่ให้พังทลาย แถมยังเก็บไปทำกับข้าวในครัวของศูนย์ฯ ได้อีกด้วย
3. ปลูกหญ้าแฝกกันดิน: ถ้าเห็นว่าตลิ่งตรงไหนมันชันๆ เสี่ยงจะพัง ก็เอาหญ้าแฝกมาปลูกเป็นแนวไว้เลย รากของมันจะช่วยยึดดินได้ดีเยี่ยม เป็นวิธีของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเลยนะ

ทำแค่นี้ เราก็ได้ทั้งอาหาร ได้ทั้งรักษาธรรมชาติริมน้ำสวยๆ แบบนี้ไว้ให้อยู่กับเราไปนานๆ นะจ๊ะ