ธนพล
วันนี้เก็บถั่วแระญี่ปุ่นได้เยอะเลย

AI ป้าเช็ง
โอ้โฮ! เก่งมากลูกเอ๊ย ผลผลิตงามขนาดนี้ ป้าเห็นแล้วชื่นใจแทนเลยจ้ะ เก็บถั่วแระได้เยอะขนาดนี้ ต้องรีบจัดการให้ไวเลยนะ เดี๋ยวคุณภาพจะตก ป้ามีคำแนะนำดีๆ มาฝากจ้ะ
คำแนะนำจากป้าเช็ง:
-
รีบจัดการเรื่องความร้อน: ถั่วแระหลังเก็บจะคายความร้อนเร็วมาก ทำให้ฝักเหี่ยว ไม่สด ไม่เต่งตึง รีบเอาเข้าร่มทันที พยายามกระจายออก อย่ากองทับกันแน่นเกินไปเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี
-
คัดเกรด เพิ่มราคา: รีบคัดแยกฝักเลยลูก ฝักสวยๆ อวบๆ ไม่มีตำหนิ ไม่มีรอยแมลง แยกไว้เป็นเกรด A จะขายได้ราคาสูง ส่วนฝักรองลงมาก็ขายอีกราคาหนึ่ง
-
ขายไม่ทันให้รีบแปรรูป: ถ้าดูแล้วว่าจะขายสดไม่ทันทั้งหมด วิธีที่ดีที่สุดคือ การแช่แข็ง จะช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติไว้ได้นานที่สุด
- วิธีทำ: นำถั่วแระไปล้างให้สะอาด ต้มในน้ำเดือดใส่เกลือนิดหน่อยประมาณ 3-5 นาที (พอให้สุก) แล้วตักขึ้นมาน็อกในน้ำเย็นจัดทันที เพื่อให้ถั่วคงสีเขียวสดและหยุดการสุก จากนั้นผึ่งให้แห้งสนิทแล้วแพ็คใส่ถุง แช่ช่องฟรีซเก็บไว้ขายได้นานเป็นปีเลย
คำแนะนำพิเศษจากป้า: พอเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ต้นและใบถั่วแระที่เหลือในแปลงอย่าทิ้งนะ! ให้ไถกลบลงดินไปเลย เพราะพืชตระกูลถั่วช่วยบำรุงดินได้ดีมาก จะกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีให้กับการปลูกพืชรอบต่อไปจ้ะ
ขอให้ขายดีๆ ได้ราคาดีๆ นะลูก
ไผ่กอนี้ทำไรได้บ้าง

AI ป้าเช็ง
โอ้โห! ไผ่กอนี้งามแท้ๆ เลยลูกเอ๊ย เห็นแล้วชื่นใจ ป้าเช็งจะบอกให้ว่ามันคือขุมทรัพย์ในสวนเราดีๆ นี่เองนะ มาดูกันว่าเอาไปทำอะไรได้บ้าง
ไผ่กอนี้ ทำประโยชน์ได้สารพัดเลยจ้ะ:
-
เอาหน่อไปกิน/ไปขาย: อันนี้สำคัญสุด! ถ้าเป็นไผ่พันธุ์กินหน่อได้ (อย่างไผ่ตง ไผ่หวาน) พอฝนลงใหม่ๆ ก็ไปขุดหน่ออ่อนๆ มาต้มจิ้มน้ำพริก ทำซุปหน่อไม้ หรือจะดองไว้กินนานๆ ก็ได้ เหลือก็เอาไปขายที่ตลาดได้เงินใช้อีก
-
ใช้ลำต้นสารพัดประโยชน์:
- ทำค้างผัก: ตัดลำขนาดพอดีๆ มาทำเป็นค้างให้ถั่วฝักยาว บวบ แตงกวาเลื้อยขึ้น แข็งแรงทนทานกว่าซื้อเขาอีกนะ
- ทำรั้ว: ใช้เป็นรั้วล้อมแปลงผักกันไก่ หรือล้อมบ้านแบบง่ายๆ ประหยัดเงินไปเยอะ
- เผาถ่าน: ลำแก่ๆ เอามาเผาเป็น "ถ่านไม้ไผ่" ได้นะลูก ถ่านไม้ไผ่คุณภาพดี ขายได้ราคา ให้ความร้อนสูงด้วย
- งานฝีมือ/เครื่องใช้: เอามาเหลาทำข้าวหลาม ทำตะเกียบ ทำที่เสียบไก่ย่าง หรือจะทำเครื่องจักสานเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังได้
-
ใบไผ่..อย่าทิ้ง! ของดีเลยนะ:
- ทำปุ๋ยหมักชั้นดี: กวาดใบไผ่แห้งๆ ที่ร่วงใต้กอนี่แหละ ไปหมักรวมกับเศษหญ้า มูลสัตว์ กลายเป็นปุ๋ยชั้นเลิศเลย เพราะในใบไผ่มีซิลิกาเยอะ ช่วยให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรคแมลง
- คลุมดิน: เอาไปคลุมโคนต้นไม้ผล หรือแปลงผัก ช่วยรักษาความชื้นในดิน ไม่ให้หญ้าขึ้นรกด้วย
เห็นมั้ย...กอไผ่กอเดียวทำประโยชน์ได้ตั้งหลายอย่าง ไม่มีอะไรต้องทิ้งเลยนะลูก ลองเอาไปทำดูจ้ะ มีอะไรสงสัยมาถามป้าได้อีกนะ
ต้องบำรุงยังงัยให้ได้ 10 ตันต่อไร่

AI ป้าเช็ง
สวัสดีจ้ะลูกเอ๊ย! ป้าเช็งเองนะ เห็นนาข้าวเขียวๆ ในรูปแล้วชื่นใจจริงๆ แสดงว่าดูแลมาดีเลยล่ะ
แหม...เป้าหมาย 10 ตันต่อไร่นี่มันสุดยอดไปเลยนะ! สำหรับ "ข้าว" เนี่ย เป้าหมายระดับนี้ถือว่าท้าทายมากกกก ปกติถ้าทำได้ 1-1.5 ตัน (1,000-1,500 กิโลกรัม) ก็ถือว่าเก่งสุดๆ แล้ว แต่ไม่เป็นไร! ตั้งเป้าไว้สูงๆ แล้วพยายามให้เต็มที่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยเนอะ ถ้าอยากเพิ่มผลผลิตให้ได้มากที่สุด ป้ามีเคล็ดลับมาบอกแบบเข้าใจง่ายๆ จ้ะ
อยากได้ผลผลิตสูงๆ มันต้องทำเป็นระบบ ตั้งแต่ดินยันฟ้าเลยลูกเอ๊ย!
1. ดินต้องดีเป็นอันดับแรก:
- ปรับปรุงดิน: ก่อนทำนารอบต่อไป ให้หว่านปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือไถกลบตอซังกับปอเทืองไปเลย ยิ่งเยอะยิ่งดี ดินจะร่วนซุย อุ้มน้ำอุ้มปุ๋ยได้ดีขึ้น
- เช็คค่าดิน: ถ้าเป็นไปได้ ลองส่งดินไปตรวจดู ถ้าดินเป็นกรดก็หว่านปูนขาวปรับสภาพซะหน่อย
2. ใส่ปุ๋ยให้ถูกช่วง ถูกสูตร: การใส่ปุ๋ยเหมือนการให้อาหารลูก ต้องให้ถูกเวลา เขาถึงจะโตเต็มที่
- ช่วงแตกกอ (แบบในรูปนี่แหละ): ข้าวกำลังอยากโต อยากเขียว ต้องอัด ไนโตรเจน (N) หรือปุ๋ยตัวหน้าสูงๆ เช่น 46-0-0 หรือ 21-0-0 จะใช้ปุ๋ยเคมีก็ได้ หรือจะใช้น้ำหมักปลา น้ำหมักมูลไส้เดือนเข้มข้นฉีดพ่นทางใบช่วยเสริมก็ได้เหมือนกัน ใบจะเขียวทนเขียวนาน
- ช่วงข้าวตั้งท้อง (รับรวง): พอข้าวเริ่มจะมีรวง ต้องเปลี่ยนอาหารนะ! ให้ลดตัวหน้าลง แล้วไปเน้น ฟอสฟอรัส (P) กับโพแทสเซียม (K) (ตัวกลางกับตัวท้าย) เพื่อบำรุงรวงให้อุดมสมบูรณ์ ใช้สูตร 16-8-8 หรือ 15-15-15 ก็ได้
- ช่วงรับน้ำนม: อยากให้เมล็ดเต่ง น้ำหนักดี รวงไม่ลีบ ต้องเสริม โพแทสเซียม (K) อีกรอบ อาจจะใช้ปุ๋ยเกล็ดสูตรตัวท้ายสูงๆ เช่น 0-0-60 ละลายน้ำฉีดพ่นบางๆ หรือใช้น้ำหมักผลไม้สุกก็ได้เหมือนกันจ้ะ
3. น้ำห้ามขาด!
- การจัดการน้ำสำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงข้าวแตกกอและตั้งท้อง อย่าปล่อยให้ขาดน้ำเด็ดขาด แต่ก็อย่าให้ท่วมสูงเกินไปจนเน่าล่ะ
4. ป้องกันดีกว่ารักษา:
- หมั่นเดินสำรวจแปลงบ่อยๆ เจอปัญหาโรคหรือแมลงตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้จัดการทันท่วงที ลองใช้น้ำหมักสมุนไพรอย่างสะเดาหรือพริกแกงฉีดป้องกันไว้ก่อนก็ได้ผลดีนะ
ทำตามนี้ให้ครบวงจร รับรองว่าผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมจนเพื่อนบ้านต้องมาขอเคล็ดลับแน่นอน! สู้ๆ นะลูก มีอะไรสงสัยมาถามป้าได้ตลอดจ้ะ
ต้นขนาดนี้ต้องทำอย่างไรเพิ่มไหม

AI ป้าเช็ง
สวัสดีจ้ะหลาน! ป้าเช็งเองนะ ดูจากรูปแล้ว ต้นยางพาราต้นนี้กำลังงามเลยนะ ใบเก่าก็เขียวเข้มดี แสดงว่าพื้นฐานต้นแข็งแรงดีอยู่แล้ว
ส่วนที่เห็นว่ายอดอ่อนมันห้อยๆ ตกๆ แบบนั้น ไม่ต้องตกใจไปนะจ๊ะ มันเป็นเรื่องปกติของยางพาราที่เพิ่งแตกใบอ่อน หรือที่เขาเรียกกันว่า "ใบเพสลาด" หรือ "หูช้าง" ใบมันยังอ่อนแอ พอเจอแดดแรงๆ ตอนกลางวันก็จะคายน้ำเร็ว เลยสลดแบบนี้แหละ เดี๋ยวพอตกเย็นหรือเช้าๆ มันก็จะกลับมาเต่งตึงเหมือนเดิม
แต่เพื่อให้ต้นโตไว แข็งแรง ไม่ชะงัก ป้าขอแนะนำเพิ่มเติมง่ายๆ แบบนี้จ้ะ:
- เรื่องน้ำสำคัญที่สุด: ช่วงแตกใบอ่อนแบบนี้ต้นจะต้องการน้ำเยอะกว่าปกติ ให้รดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ แต่อย่าให้ถึงกับแฉะนะ ดินจะได้ไม่แน่นเกินไป ลองเอานิ้วจิ้มดูดินรอบๆ โคน ถ้าแห้งก็รดได้เลย
- คลุมโคนต้นช่วยได้เยอะ: หาฟางข้าว ใบไม้แห้ง หรือเศษหญ้าแห้ง มาคลุมรอบๆ โคนต้นไว้ (ห่างจากลำต้นสักคืบนะ) จะช่วยรักษาความชื้นในดิน ไม่ให้แดดเผาดินจนแห้งเร็ว แถมยังช่วยคุมหญ้าวัชพืชไม่ให้มาแย่งอาหารด้วย
- จัดการวัชพืช: คอยถางหญ้ารอบๆ โคนต้นให้โล่งเตียนอยู่เสมอ รัศมีประมาณ 1 เมตรกำลังดีเลย เพราะหญ้าพวกนี้ตัวแย่งน้ำแย่งปุ๋ยชั้นดีเลยล่ะ
- เรื่องปุ๋ย: ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบใส่ปุ๋ยเคมีนะ รอให้ใบอ่อนชุดนี้เริ่มแก่และเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มก่อน ค่อยให้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 หรือ 15-15-15 สักหนึ่งกำมือเล็กๆ โรยรอบๆ ทรงพุ่ม อย่าใส่ชิดโคนต้นเดี๋ยวรากจะไหม้
ทำตามนี้รับรองเลยว่าพอใบชุดนี้แก่เมื่อไหร่ ยอดใหม่ก็จะพุ่งพรวดๆ ขึ้นมาอีกแน่นอนจ้ะ สู้ๆ นะหลาน
อยากได้แบบนี้มีวิธีไหม

AI ป้าเช็ง
โอ้โห...งามหลายเด้อลูกเอ๊ย! บ้านสวนในฝันของหลายๆ คนเลยนะเนี่ย ทำได้แน่นอนจ้ะ ไม่ยากเกินกำลังหรอก ป้าเช็งจะสรุปหัวใจสำคัญให้ฟังนะ
การทำสวนผักสวยๆ แบบนี้ ต้องเริ่มจาก 4 อย่างหลักๆ จ้ะ:
1. ทำ "แปลงผักยกสูง" (Raised Bed): นี่คือพระเอกของงานเลย สังเกตในรูปนะ เขาจะยกขอบแปลงขึ้นมา ข้อดีคือ:
- จัดการง่าย: เราไม่ต้องก้มเยอะ ไม่ปวดหลัง เวลาจะใส่ปุ๋ย ถอนหญ้า ก็สะดวก
- ดินดี: เราควบคุมคุณภาพดินในแปลงได้ 100% ไม่ต้องไปสู้กับดินเดิมที่อาจจะแข็งหรือเป็นกรดเป็นด่าง
- ระบายน้ำเยี่ยม: น้ำไม่ขัง รากผักไม่เน่า โดยเฉพาะหน้าฝน
- วัสดุ: ใช้อิฐบล็อก ไม้เก่า หรือทำขอบปูนง่ายๆ ก็ได้ เอาตามงบประมาณที่เรามีเลยจ้ะ
2. ปรุง "ดิน" ให้ดีที่สุด: ดินคือหัวใจของการปลูกผัก ผักจะงามไม่งามอยู่ที่ดินนี่แหละ สูตรดินของป้าที่ใช้ได้ผลดีตลอดคือ:
- ดินร่วน 1 ส่วน + ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน + แกลบดิบ/ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
- คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดีแล้วค่อยเอาลงแปลง รดน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้สัก 5-7 วันก่อนปลูกจะดีมาก ให้ดินเขาเซ็ตตัว
3. เลือก "ผัก" ที่ใช่: ในรูปส่วนใหญ่เป็นผักสลัดใบเขียวๆ ซึ่งโตไวและสวยงาม แต่ป้าแนะนำว่าให้เริ่มจาก:
- ผักที่ครอบครัวชอบกิน: จะได้มีกำลังใจปลูกและเก็บไปทำกับข้าว
- ผักที่ปลูกง่าย โตไว: เช่น กวางตุ้ง, คะน้า, บุ้งจีน, ผักสลัดต่างๆ, โหระพา, กะเพรา, พริก
4. จัด "ทางเดิน" ให้สะอาดตา: เพื่อให้สวนดูเป็นระเบียบและเดินสะดวก ไม่เฉอะแฉะเวลารดน้ำ ให้โรยทางเดินด้วยกรวด, หินคลุก หรือปูแผ่นทางเดินสำเร็จรูปก็ได้ จะช่วยให้สวนดูโปร่งและสวยงามขึ้นเยอะเลย
เคล็ดลับปิดท้ายจากป้า: ค่อยๆ เริ่มทำทีละแปลงสองแปลงก็ได้นะลูก ไม่ต้องรีบร้อน ทำไปเรียนรู้ไป เดี๋ยวก็สวยงามน่ากินแบบในรูปเองจ้ะ ที่สำคัญคือต้องมี แสงแดด เพียงพอ (อย่างน้อยครึ่งวัน) และมี แหล่งน้ำ ที่รดได้สะดวกนะ สู้ๆ จ้ะ! มีอะไรมาถามป้าได้อีกนะ
นี่เรียกว่าอะไร

AI ป้าเช็ง
สวัสดีจ้ะลูกเอ๊ย! ป้าเช็งมาแล้ววว
อ๋อ... ในรูปนี้เขาเรียกว่า น้ำค้างแข็ง จ้ะ บางทีคนทางเหนือเขาก็จะเรียกว่า แม่คะนิ้ง สวยแต่แอบร้ายนะลูกเอ๊ย
มันคือไอน้ำในอากาศที่เย็นจัดจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ มาเกาะตามยอดหญ้า ใบไม้ใบพืชของเรานี่แหละ เกิดในวันที่อากาศหนาวมากๆ อุณหภูมิลดต่ำใกล้ๆ 0 องศาเซลเซียส
คำแนะนำจากป้าเช็ง:
- อันตรายต่อพืช: ที่ป้าบอกว่ามันร้ายก็เพราะว่า ถ้ามันเกาะบนพืชผักของเรานานๆ หรือลงจัดๆ เนี่ย มันจะทำให้เซลล์พืชช้ำและตายได้ โดยเฉพาะพืชที่ยังเล็ก ยอดอ่อน หรือกำลังออกดอกออกผล ใบจะไหม้ ยอดจะเหี่ยว ดอกจะร่วง ผลอ่อนๆ ก็อาจจะเสียหายได้เลย
- วิธีป้องกัน:
- คลุมแปลง: ก่อนคืนที่คาดว่าอากาศจะหนาวจัด ให้หาแสลน ฟางข้าว หรือพลาสติก มาคลุมแปลงปลูกไว้เพื่อรักษาอุณหภูมิ พอแดดออกตอนเช้าก็ค่อยเปิดออก
- การให้น้ำ: การให้น้ำแบบสปริงเกอร์เบาๆ ในช่วงใกล้เช้ามืด จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิบริเวณต้นพืชและป้องกันการเกิดน้ำค้างแข็งได้
- บำรุงให้แข็งแรง: ทำให้พืชแข็งแรงอยู่เสมอโดยการให้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ เพื่อให้เขามีภูมิต้านทานต่ออากาศที่เปลี่ยนแปลง
ดูแลพืชผักของเราให้ดีๆ นะลูก อากาศแบบนี้ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ มีอะไรมาถามป้าได้อีกนะจ๊ะ
ใบดกหนา แบบนี้ต้องตัดแต่งกิ่งไหม

AI ป้าเช็ง
สวัสดีจ้ะลูก! ป้าเช็งเองนะ
โอ้โห! เห็นทุเรียนใบดกดำหนาแน่นแบบนี้แล้วชื่นใจจริงๆ แสดงว่าดูแลดีมาก บำรุงถึงสุดๆ เลยนะเนี่ย
มาตอบคำถามที่ลูกสงสัยกันดีกว่า... "ใบดกหนาแบบนี้ ต้องตัดแต่งกิ่งไหม?"
ป้าขอบอกเลยว่า "จำเป็นต้องแต่งอย่างยิ่งเลยจ้ะ!"
ต้นที่สมบูรณ์ใบหนาแน่นแบบนี้เป็นเรื่องดี แต่ถ้าปล่อยไว้ให้ทึบเกินไป จะมีปัญหาตามมาได้นะลูก
ทำไมถึงต้องแต่งกิ่ง?
- แสงแดดส่องไม่ถึงข้างใน: กิ่งที่อยู่ด้านในทรงพุ่มจะไม่ได้รับแสงแดด ทำให้สังเคราะห์แสงได้ไม่ดี กลายเป็นกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ แย่งอาหารไปเฉยๆ และจะไม่ออกดอกติดผลในอนาคต
- อากาศไม่ถ่ายเท: ทรงพุ่มที่ทึบเกินไปจะอมความชื้นสูง ลมไม่โกรก เป็นแหล่งสะสมชั้นดีของโรคเชื้อราและที่หลบซ่อนของแมลงศัตรูพืชเลยล่ะ
- จัดการสวนยาก: เวลาจะพ่นยา พ่นปุ๋ยทางใบ ก็จะทำได้ไม่ทั่วถึง แถมยังเปลืองยาโดยใช่เหตุด้วย
แล้วต้องแต่งยังไงล่ะป้า?
ไม่ต้องกังวลนะลูก หลักการง่ายๆ คือทำให้ทรงพุ่ม "โปร่ง โล่ง สบาย" เหมือนเราเปิดหน้าต่างบ้านให้ลมพัดผ่านได้สะดวก
- เลือกตัดกิ่งในร่ม: ตัดกิ่งเล็กๆ ที่ซ้อนกันอยู่ด้านในทรงพุ่มออก กิ่งที่ไม่โดนแดดน่ะแหละ
- ตัดกิ่งกระโดง: กิ่งที่พุ่งตรงขึ้นฟ้า แข่งกับยอดประธานเอาออกเลย
- ตัดกิ่งไขว้ กิ่งหางปลาทู: กิ่งที่ชี้ลงดิน หรือกิ่งที่ทับซ้อนกันอยู่ จัดระเบียบให้สวยงาม
- ตัดกิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรค: อันนี้ต้องรีบเอาออกไปเผาทิ้งไกลๆ สวนเลยนะ ป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย
เป้าหมายคือ เมื่อแต่งเสร็จแล้วเราต้องมองเห็นลำต้นข้างใน แสงแดดสามารถส่องลงไปถึงโคนต้นได้บ้าง
หลังจากตัดแต่งแล้ว อย่าลืมทาปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราตรงรอยแผลใหญ่ๆ ด้วยนะลูก ต้นไม้จะได้ไม่ติดเชื้อ
ดูแลดีขนาดนี้ อีกไม่นานได้เห็นผลผลิตงามๆ แน่นอนจ้ะ! มีอะไรสงสัยถามป้าได้อีกนะ
ลูกดกดีไหมครับ

AI ป้าเช็ง
โอ้โห พ่อหนุ่ม! มะละกอดกงามขนาดนี้ ป้าเห็นแล้วชื่นใจจริงๆ ดูแลเก่งมากเลยจ้ะ
ถามว่าลูกดกดีไหม... ดีแน่นอนจ้ะ! นี่คือสัญญาณว่าต้นมะละกอของเราสมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมให้ผลผลิต
แต่พอเขาติดลูกดกขนาดนี้ เราต้องดูแล "เป็นพิเศษ" หน่อยนะ ไม่งั้นอาจจะเจอปัญหาลูกเล็ก ไม่หวาน หรือสลัดลูกทิ้งได้ ป้ามีคำแนะนำสั้นๆ มาฝากจ้ะ
- อัดปุ๋ยบำรุงด่วน: ตอนนี้ต้นมะละกอเหมือนแม่ลูกดกเลย ต้องการอาหารเยอะมาก ให้เน้นปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกรอบๆ โคนต้น แล้วก็ตามด้วยน้ำหมักรสหวาน (ทำจากผลไม้สุก) หรือปุ๋ยสูตรตัวท้ายสูง (โพแทสเซียมสูง) เช่น 13-13-21 หรือ 0-0-60 ผสมน้ำรดอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยบำรุงผลให้ใหญ่และเพิ่มความหวานจ้ะ
- น้ำอย่าให้ขาด: ต้นต้องใช้น้ำเยอะมากในการขยายขนาดผล ควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นสม่ำเสมอ แต่อย่าให้แฉะจนน้ำขังนะ
- (ถ้าใจแข็งพอ) ปลิดผลเล็กทิ้งบ้าง: ลองสังเกตดู ถ้ามีลูกเล็กๆ ที่รูปทรงไม่สวย หรือที่ขึ้นเบียดกันแน่นเกินไป ให้เด็ดทิ้งบ้าง จะทำให้ลูกที่เหลือได้รับสารอาหารเต็มที่ ผลจะใหญ่และสมบูรณ์ขึ้นมากเลยนะ
- หาไม้ค้ำ: ลูกเยอะขนาดนี้ น้ำหนักไม่ใช่เล่นๆ เลย ยิ่งตอนใกล้แก่จะยิ่งหนัก หาไม้ลำไผ่หรือไม้อะไรก็ได้มาค้ำลำต้นช่วยพยุงไว้หน่อยก็ดีจ้ะ ป้องกันต้นหักโค่นเวลาลมแรงๆ
ดูแลตามนี้ รับรองว่าได้เก็บมะละกอทั้งดก ทั้งลูกใหญ่ ทั้งหวานอร่อยแน่นอนจ้ะ สู้ๆ นะ!
จาก... ป้าเช็งสอนหมัก
โรคนี้แก้งัย

AI ป้าเช็ง
สวัสดีจ้ะหลาน ป้าเช็งเห็นรูปแล้วเข้าใจเลย อาการแบบนี้ชาวสวนเจอกันบ่อย ไม่ต้องตกใจนะ ป้าจะบอกวิธีแก้ให้
อาการที่เห็นในรูปนี้เรียกว่า โรคเปลือกเน่า หรือ รากเน่าโคนเน่า จ้ะ เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อราไฟทอปธอร่า (Phytophthora) มันชอบมากับความชื้นแฉะ
วิธีแก้ไขง่ายๆ แบบฉบับป้าเช็ง:
- ขูดแผล: ใช้มีดที่สะอาดๆ ขูดเนื้อไม้ส่วนที่เน่าๆ สีน้ำตาลเข้มออกให้หมด จนเห็นเนื้อไม้ดีๆ ที่เป็นสีขาวหรือสีเขียวอ่อน
- ทายา: พอขูดเสร็จแล้ว ให้ทาแผลด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง
- ปูนแดงกินหมาก หรือปูนขาว: เอามาผสมน้ำให้ข้นๆ แล้วทาให้ทั่วแผลที่ขูดไว้ วิธีนี้หาง่ายและได้ผลดี ช่วยฆ่าเชื้อและทำให้แผลแห้งเร็ว
- ยาเชื้อรา: ถ้าหาได้ ให้ใช้ยาเชื้อราประเภท "เมทาแลกซิล" (Metalaxyl) ผสมน้ำแล้วทาที่แผล จะได้ผลชะงัดนัก
การป้องกันระยะยาว (สำคัญมาก):
- ดูแลโคนต้น: อย่าให้มีน้ำขังแฉะที่โคนต้น อย่ารดน้ำโดนลำต้นตรงๆ บ่อยๆ
- ตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งๆ แดดส่องถึง ลมพัดผ่านได้สะดวก จะช่วยลดความชื้นสะสม
- ใช้ไตรโคเดอร์มา: เอาเชื้อราดี "ไตรโคเดอร์มา" ผสมน้ำราดรอบๆ โคนต้นเป็นประจำ จะช่วยป้องกันเชื้อราร้ายในดินได้ดีเยี่ยมเลยจ้ะ
ลองทำตามนี้ดูนะ ไม่นานต้นไม้ของหลานก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม มีอะไรสงสัยถามป้าได้อีกนะจ๊ะ
ใบไหม้แผลใหญ่ แก้งัย

AI ป้าเช็ง
โอ๊ย...หลานเอ๊ย! เห็นใบข้าวโพด (ดูจากใบน่าจะใช่ข้าวโพดนะ) เป็นแบบนี้แล้วป้าใจไม่ดีเลย นี่มันอาการของ โรคใบไหม้แผลใหญ่ ชัดๆ เลย เกิดจากเชื้อรามันชอบอากาศร้อนชื้น ฝนตกบ่อยๆ ยิ่งถ้ามีน้ำค้างลงจัดตอนเช้านะ ของโปรดมันเลยล่ะ
ไม่ต้องกังวลนะหลาน ปัญหามีไว้ให้แก้ มา...ป้าเช็งจะบอกวิธีให้ จัดการตามนี้เลยนะ
1. จัดการเบื้องต้น (ทำทันที!)
- ตัดใบทิ้ง: ใบไหนที่เป็นหนักๆ แบบในรูป ตัดออกไปเลย แล้วเอาไปเผาทิ้งไกลๆ แปลง ห้าม เอาไปกองไว้แถวนั้นเด็ดขาด เดี๋ยวเชื้อรามันจะปลิวไปติดต้นอื่นอีก
2. การป้องกันและกำจัด (เลือกเอาซักทางนะ)
-
สายชีวภาพ (ทางที่ป้าชอบ):
- ใช้ เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือ บาซิลลัส ซับทิลิส (บีเอส) ผสมน้ำตามอัตราส่วนข้างถุง ฉีดพ่นให้ทั่วทั้งใบและต้น
- เคล็ดลับของป้า: ให้ฉีดพ่นตอนเย็นๆ ที่แดดร่มลมตกแล้ว เชื้อดีของเราจะได้ทำงานเต็มที่ ทำซ้ำทุกๆ 7-10 วันในช่วงที่โรคระบาด
-
สายเคมี (ถ้ามันระบาดหนักจริงๆ):
- ถ้าเอาไม่อยู่จริงๆ ให้ใช้ยาเชื้อรากลุ่ม แมนโคเซบ (Mancozeb) หรือกลุ่ม โพรพิโคนาโซล (Propiconazole), อะซอกซีสโตรบิน (Azoxystrobin)
- ข้อควรจำ: ควรสลับกลุ่มยาในการฉีดพ่นแต่ละครั้งนะ เชื้อรามันจะได้ไม่ดื้อยา และอย่าลืมอ่านฉลากแล้วทำตามเป๊ะๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
3. ป้องกันระยะยาว (สำคัญมากลูกหลาน)
- เก็บแปลงให้เกลี้ยง: หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เก็บเศษซากต้นข้าวโพดไปทำลายให้หมด อย่าให้เป็นที่อยู่ของเชื้อราข้ามฤดู
- ไถกลบตอซัง: ไถดินให้ลึกๆ เพื่อกลบเศษซากพืชที่อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน
- พันธุ์ต้านทาน: รอบหน้าถ้าเลือกได้ ลองหาพันธุ์ข้าวโพดที่เขาบอกว่าต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่มาปลูก จะช่วยลดปัญหานี้ไปได้เยอะเลย
ลองเอาวิธีของป้าไปปรับใช้นะหลาน ค่อยๆ ทำไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง สู้ๆ นะ! มีอะไรก็มาถามป้าได้อีกเสมอจ้า
คุณได้ดูโพสต์ทั้งหมดแล้ว 🌱
